ช่วงนี้กระแสการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นกำลังฮิตติดลมบนกันเลยทีเดียวค่ะ มีเพื่อน ๆ หลายท่านเคยไปสัมผัสดินแดนอาทิตย์อุทัยกันมาแล้ว และก็มีบางท่านที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งสำหรับใครที่กำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นอยู่นั้นต้องรีบมาอ่านโดยเร็ว เพราะเว็บไซต์en.rocketnews24 ได้รวบรวม 30 สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ สำหรับคนที่กำลังวางแผนหรือหาข้อมูลการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น เอาเป็นว่าลองไปดูกันค่ะว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนที่ยังไม่เคยไปกัน หรือสถานที่เที่ยวแห่งไหนจะต้องไปให้ได้ในทริปตะลอนทัวร์ญี่ปุ่นครั้งต่อไป
1. ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
1. ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เป็นศาลเจ้าที่สำคัญของลัทธิชินโต ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเกียวโต มีความโดดเด่นตรงที่มีประตูโทริอิสีแดงนับพันตั้งเรียงรายยาวจนถึงเขตป่า Inari ภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ทางด้านหลัง มีความยาวประมาณ 233 เมตร เป็นจุดที่สามารถถ่ายภาพได้สวยงามอีกจุดหนึ่ง (ขอขอบคุณข้อมูลจาก japan-guide)
2. อนุสรณ์สันติภาพฮิโระชิมะ หรือโดมปรมาณู (Hiroshima Atomic Bomb Dome)
โดมแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความเงียบสงบ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1915 โดยสถาปนิกชาวเช็ก มันไม่ได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังคงหลงเหลือโครงสร้างดั้งเดิมไว้อย่างชัดเจน จึงได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996 บริเวณรอบข้างล้อมรอบไปด้วยสวนสวยงาม ต้นไม้เขียวขจี ด้านหนึ่งติดกับแม่น้ำ นักท่องเที่ยวนิยมล่องเรือชมความสวยงามของอาคารและสวน ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกซากุระจะบานสะพรั่งสวยงาม (ขอขอบคุณข้อมูลจาก visithiroshima)
3. ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine)
ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ เป็นศาลเจ้าลัทธิชินโตที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ด้วยเป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลบนเกาะอิสึกุชิมะ เมืองฮะสึไกชิ มีอายุมากกว่า 1,400 ปี มีเสาประตูโทริอิตั้งอย่างสง่างามกลางทะเล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองฮิโรชิมา (ขอขอบคุณข้อมูลจาก visit-miyajima-japan)
4. วัดโทไดจิ (Todaiji Temple)
วัดโทไดจิ เป็นวัดที่สำคัญของเมืองนาระ (Nara) สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 752 เป็นวัดในศาสนาพุทธ จุดเด่นของที่นี่ก็คือ พระพุทธรูป Daibutsuden ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูงประมาณ 15 เมตร อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือประตู Nandaimon ซึ่งเป็นประตูไม้ที่มีรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ บริเวณโดยรอบวัดยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้อีกด้วย (ขอขอบคุณข้อมูลจาก japan-guide)
5. วัดเออิคันโดะ หรือวัดเซนรินจิ (Eikando Zenrinji Temple)
เป็นวัดพุทธของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามในเมืองเกียวโต โดดเด่นไปด้วยต้นไม้มากมายรายล้อม ซึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ที่อยู่ทั่วทั้งวัดจะเปลี่ยนสีอย่างสวยงาม มีบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวจึงนิยมที่จะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีกันที่นี่ (ขอขอบคุณข้อมูลจาก japan-guide)
6. อุทยานลิงภูเขา (Jigokudani Yaen Koen)
ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับแม่น้ำ Yokoyu ในเมืองนากาโน มีพื้นที่เป็นหน้าผาสูงชัน มีไอหมอกทั่วทั้งบริเวณป่า และมีหิมะยาวนานถึง 1 ใน 3 ของปี แต่ที่นี่คือสวรรค์ของลิงภูเขาแก้มแดง ในฤดูหนาวลิงเหล่านี้จะลงไปแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน อวดแก้มแดงก่ำและความน่ารักให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก igokudani)
7. วัด Okunoin
ตั้งอยู่ที่จังหวัดวะกะยะมะ เป็นสถานที่ฝังศพของ Kobo Daishi มีสะพาน Ichinohashi รูปทรงดั้งเดิม เป็นทางที่เชื่อมไปยังด้านใน เมื่อเข้าไปด้านในจะพบกับสถานที่ฝังศพซึ่งมีมากถึง 200,000 หลุม ซึ่งเป็นสุสานที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีความงดงามตรงที่พื้นที่แห่งนี้ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่อันเขียวขจี เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้ดีเลยทีเดียว (ขอขอบคุณข้อมูลจาก japan-guide )
8. การแสดง Samruai Kembu Theater
โรงละครแห่งนี้อยู่ในเมืองเกียวโต เป็นการแสดงฟันดาบของเหล่าซามูไรในสมัยก่อนของญี่ปุ่น ผู้เข้าชมจะได้ชมศิลปะการต่อสู้ของซามูไร เริ่มตั้งแต่การเตรียมตัว การฝึกซ้อม จนกระทั่งการต่อสู้จริง ดูรายละเอียดของการแสดงและราคาบัตรเข้าชมได้ที่ samurai-kembu
9. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ (Okinawa Churaumi Aquarium)
เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก รวบรวมสัตว์น้ำมากมายจากทั่วโลกมาไว้ที่นี่ มีแท็งก์น้ำขนาดใหญ่เรียกว่า The Kuroshio Sea Tank ซึ่งเป็นแท็งก์น้ำในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถมองเห็นสัตว์ทะเลที่ตัวมหึมาอย่างฉลามได้อย่างชัดเจน โดยเปิดทุกวัน ในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ จะเปิดตั้งแต่เวลา 08.30-18.30 น. ในช่วงเดือนมีนาคม-กันยายน เปิดตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น. ราคาบัตรเข้าชมราคา 1,850 เยน (ประมาณ 505 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ oki-churaumi
10. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเน่ (Hakone Open-Air Museum)
ตั้งอยู่ที่จังหวัดคะนะงะวะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติและศิลปะเข้ากันได้อย่างลงตัว มีการแสดงผลงานทางด้านศิลปะครบทุกแขนง พื้นที่โดยรอบถูกโอบล้อมไปด้วยป่าไม้และภูเขาสีเขียวขจี เป็นสถานที่เรียนรู้งานการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ที่ดีมากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เปิดตั้งแต่ 09.00-17.00 น. บัตรเข้าชมราคา 1,600 เยน (ประมาณ 437 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก japan-guide)
11. วัดคินกะกุ (Kinkaku-ji Temple)
วัดคินกะกุ สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 14 เพื่อเป็นที่พักของซามูไร Ashikaga Yoshimitsu และได้กลายมาเป็นวัดในศาสนาพุทธของญี่ปุ่นในภายหลัง มีความโดดเด่นด้วยศาลาสีทอง ซึ่งโอบล้อมไปด้วยสระน้ำใสและต้นไม้อันร่มรื่น ภาพของปราสาทสีทองสะท้อนลงน้ำพร้อมกับใบไม้หลากสีสันจะหาชมได้ที่นี่เท่านั้น (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto)
12. สวน Shinjuku Gyoen
สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าชินจุกุ (Shinjuku Station) เป็นสวนที่ใหญ่และได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น เพราะมีต้นไม้นานาพรรณ มีการจัดสวนอย่างเป็นระเบียบ บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นซากุระมากมาย จึงเป็นสถานที่ที่ดีมากสำหรับชมดอกซากุระในฤดูดอกซากุระบาน และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชมกันอีกด้วย สวนแห่งนี้เหมาะสำหรับการเดินออกกำลังกาย นั่งพักผ่อน ปิกนิก ฯลฯ (ขอขอบคุณข้อมูลจาก japan-guide)
13. วัดนาริตะซัง (Naritasan Shinshoji Temple)
ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ จังหวัดจิบะ ใกล้กับสนามบินนาริตะ มีอายุเกือบ 1,000 ปี เป็นวัดในลัทธิ Shingon มีเจดีย์ตั้งอยู่กลางวัดเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญ ล้อมรอบไปด้วยสวนสีเขียวอันร่มรื่น บริเวณทางเข้าวัดจะมีชุมชนร้านค้าขายของที่ระลึกและอาหารท้องถิ่นจำนวนมาก เรียกว่า Omotesando นักท่องเที่ยวจึงได้ทั้งช้อปปิ้งและเสพความสวยงามของบรรยากาศภายในวัด (ขอขอบคุณข้อมูลจาก japan-guide )
14. สวนเคนโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden)
สวนเคนโรคุเอ็นตั้งอยู่ที่จังหวัดอิชิกะวะ เป็นสวนที่มีความสวยงามที่สุด 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น ภายในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด มีการจัดสวนอย่างสวยงาม พร้อมสระน้ำเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับพื้นที่แห่งนี้ ในฤดูใบไม้ผลิสวนแห่งนี้จะมีดอกซากุระบานสะพรั่งสวยงามไปทั่วสวน ยามฤดูใบไม้ร่วงก็มีสีสันของใบไม้ที่สดใสงดงามไม่แพ้กัน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก kanazawa-tourism)
15. ภูเขาไฟฟูจิซัง
ภูเขาไฟฟูจิซัง ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดมากที่สุดเมื่อไปเยือนญี่ปุ่น ด้วยความที่เป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านสง่างามโดดเด่น มีความสูงถึง 3,776 เมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ภาพที่ชินตามากที่สุดคือบนยอดภูเขาไฟจะมีหิมะสีขาวปกคลุม สามารถเดินทางไปเที่ยวชมได้อย่างสะดวกสบายจากเมืองโตเกียว และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอยู่รอบ ๆ ภูเขาไฟฟูจิซังให้ได้เที่ยวแวะชมกันอีกด้วย (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto)
16. ปราสาทมะสึโมะโตะ ( Matsumoto Castle)
ตั้งอยู่ที่จังหวัดนะงะโนะ (Nagano) ถือได้ว่าเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เป็นปราสาทที่มีสีดำ จึงทำให้ตัดกับสีท้องฟ้า ดูโดดเด่นสวยงามยิ่งกว่าปราสาทไหน ๆ ที่สำคัญยังมีเจแปนแอลป์เป็นฉากหลังอันงดงามอีกด้วย ปราสาทแห่งนี้ยังมีลักษณะที่เอื้อต่อการชมจันทร์ จึงสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของขุนนางในสมัยก่อนของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งจะสวยงามมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะจะโอบล้อมไปด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่งอยู่ทั่วปราสาท เปิดตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 610 เยน (ประมาณ 167 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) และสำหรับเด็ก 300 เยน (ประมาณ 82 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก go-nagano)
17. ย่าน Minato Mirai 21
Minato Mirai 21 เป็นเขตเมืองใหม่ในเมืองโยโกฮามา (Yokohama) ซึ่งตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 เป็นเขตที่มีความทันสมัยมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มีแต่ตึกสูงและเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีสุดทันสมัย สิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Queen's Square Yokohama และ Yokohama Landmark Tower ซึ่งมีความสูงมากถึง 296 เมตร มีทั้งหมด 70 ชั้น นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองโยโกฮามาได้ที่ชั้น 69 นอกจากนี้บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงที่สำคัญ (Yokohama Cosmoworld) ซึ่งมีชิงช้าสวรรค์ยักษ์ให้ได้ขึ้นไปชมความงดงามของเมืองแห่งนี้ทั้งยามกลางวันและกลางคืน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto)
18. สวนกวางนารา (Nara Park)
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนารา มีเนื้อที่ทางด้านตะวันตกถึงทางด้านตะวันออกประมาณ 4 กิโลเมตร และทางเหนือจรดใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร สิ่งที่เป็นนางเอกของที่นี่ก็คือกวางจำนวนมากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ภายในสวนยังมีวัด Todai-ji และศาลเจ้า Kasuga Taisha ให้ได้ไหว้ เคารพขอพรอีกด้วย ภายในสวนร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ รวมทั้งต้นเชอร์รีหรือซากุระ จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถชมซากุระได้ดี (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto)
19. การแสดงเกียร์ (Gear Theater)
เกียร์ เป็นการแสดงที่ไม่ใช้คำพูด โดยเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับความทันสมัยในโลกอนาคต มีการใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้การแสดงสนุกสนานและมีความน่าตื่นเต้น ระยะเวลาของการแสดงประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที มีรอบการแสดงทุกวัน ยกเว้นวันอังคารและวันพฤหัสบดี ราคาบัตรเข้าชมมีราคา 3,700 เยน และ 4,200 เยน แล้วแต่ที่นั่ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ gear.ac
20. ภูเขา Misen
ตั้งอยู่ที่เกาะมิยาจิมะ (miyajima island) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเกาะแห่งนี้ มีความสูงถึง 535 เมตรจากระดับน้ำทะเล "Virgin Forest Misen" เป็นป่าที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นป่าอนุรักษ์ ด้วยมีส่วนผสมของธรรมชาติที่ลงตัว เพราะมีต้นสนหลากหลายสายพันธุ์และมีต้นไม้จากหลากหลายแห่ง มีความอุดมสมบูรณ์และมีอากาศสดชื่น โดยที่จุดสูงสุดสามารถมองเห็นวิวทะเลและเกาะน้อยใหญ่ได้อย่างสวยงาม (ขอขอบคุณข้อมูลจาก visit-miyajima)
21. ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวและวัฒนธรรมอะซะคุสะ (Asakusa Culture Tourist Information Center)
นอกจากที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลของนักท่องเที่ยวแล้ว สิ่งที่เป็นจุดโดดเด่นอีกอย่างก็คือสถาปัตยกรรมของตึกที่มีลักษณะแปลกตา เป็นตึกสูง 8 ชั้น อยู่ใจกลางย่านอาซากุสะ ใช้บานเกล็ดไม้ล้อมรอบทั้งอาคาร โดยมีผนังเป็นกระจกทั้งหมด จึงทำให้ดูโปร่งโล่ง น่าสนใจ ใครที่ไปเที่ยวโตเกียวก็อย่าลืมแวะไปแชะภาพกันที่นี่นะคะ (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto)
22. วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple)
เป็นวัดที่เก่าแก่และโดดเด่นที่สุดในเมืองคามาคุระ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 736 อาคารหลักเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปไม้แกะสลักที่ใหญ่อีกแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูง 9.18 เมตร ระฆังที่อยู่ภายในวัดถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญ รอบ ๆ วัดมีการตกแต่งด้วยสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ มีความร่มรื่นเป็นอย่างมาก (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto และ hasedera)
23. หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Village)
23. หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Village)
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา Mt. Haku-san ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดกิฟุ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่สร้างอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ในยามหน้าหนาวก็จะเต็มไปด้วยหิมะ มีลักษณะการสร้างบ้านเรือนที่เป็นเอกลักษณ์ คือมีการมุงหลังคาด้วยวัสดุธรรมชาติ มีโครงสร้างหลังคาคล้ายกับการพนมมือ ปัจจุบันมีทั้งหมด 114 หลังคาเรือน ชาวบ้านใช้ชีวิตเรียบง่าย มีการทำเกษตรกรรมและขายของที่ระลึกให้แก่นักท่องเที่ยว ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1995 (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto และ shirakawa)
24. วัดซันจูซันเก็นโด (Sanjusangendo Temple)
เป็นอีกหนึ่งวัดที่สำคัญของกรุงเกียวโต เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป Senju Kannon-zo ซึ่งมีมือมากถึง 1,000 มือ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปจำนวนมากมายตั้งอยู่ในวัดแห่งนี้ด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 600 เยน (ประมาณ 164 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto)
25. ศาลเจ้าเมจิ (Meiji-jingu Shrine)
ศาลเจ้าเมจิ ตั้งอยู่ในเมืองโตเกียว เป็นศาลเจ้าในลัทธิชินโต มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1921 เพื่อถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง ศาลเจ้าเมจิตั้งอยู่ใจกลางป่าอันเขียวขจีกลางเมืองโตเกียว เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนเมืองใหญ่ได้เป็นอย่างดี เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี ไม่เสียค่าเข้าชม (เฉพาะบริเวณเขตศาลเจ้า) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto และ meijijingu)
26. ย่านชิบูย่า (Shibuya)
หากต้องการเห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นเขาใช้ชีวิตและแต่งกายกันอย่างไร ต้องไม่พลาดการไปเดินในย่านชิบูย่า เพราะเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นชาวญี่ปุ่น ในช่วงวันหยุดพวกเขาจะแต่งตัวตามตัวละครในการ์ตูนหรือภาพยนตร์ต่าง ๆ หรือที่เราเรียกว่าการแต่งคอสเพลย์ ออกมาประชันกันอย่างสวยงาม นอกจากนี้ก็ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่นให้ได้เดินเลือกซื้อมากมาย (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto)
27. พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีโตโยต้า (Toyota Commemorative Museum of Industry and Technology)
แหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะทำให้เด็กรุ่นใหม่เข้าใจเรื่องความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1911โดย Sakichi Toyoda มีผลงานที่จัดแสดงอยู่มากกว่า 4,000 ชิ้น โดยผลงานส่วนใหญ่จะอธิบายถึงความมหัศจรรย์ของกระบวนการทำงานของเครื่องจักรและเครื่องยนต์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.30-17.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 500 เยน (ประมาณ 137 บาท *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ tcmit
28. อาราชิยาม่า (Arashiyama)
สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพป่าไผ่ที่เรียงรายเป็นซุ้มโค้งเขียวขจีสวยงาม ต้องไม่พลาดการไปเยือนอาราชิยาม่า ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต เป็นพื้นที่ที่มีต้นไม้นานาพรรณ ร่มรื่น เงียบสงบ จุดเด่นของที่นี่คือซุ้มโค้งของป่าไผ่ ซึ่งมีความเขียวสดชื่น เหมาะแก่การถ่ายภาพ บริเวณรอบ ๆ ยังประกอบไปด้วยสวนและต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย สวยงามตลอดทั้งปี (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto)
29. สนามกีฬาแห่งชาติเรียวโงะกุ (Ryogoku Kokugikan)
กีฬาซูโม่ เป็นกีฬาที่เก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน มีการจัดการแข่งขันในทุก ๆ ปี ซึ่งจะมีการแข่งขันในรอบที่สำคัญที่สนามแห่งนี้ ซึ่งสามารถบรรจุคนได้ทั้งหมด 11,098 คน ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต จึงสะดวกสบายในการเดินทาง นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นจึงควรหาโอกาสในการไปชมการแข่งขันซูโม่สักครั้งในชีวิต (ขอขอบคุณข้อมูลจาก jnto)
30. กรุงโตเกียว
กรุงโตเกียว เป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะต้องมาแวะเยี่ยมเยือน ด้วยเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ที่มีความศิวิไลซ์ เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและความทันสมัย แต่ยังคงสอดแทรกวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นไว้ได้อย่างดีเยี่ยม มีสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองมากมายและยังเป็นศูนย์กลางในการไปเยือนยังภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นได้อีกด้วย
อันที่จริงประเทศญี่ปุ่นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้ไปค้นหาอีกมากมาย แล้วจะรออะไรอยู่ รีบจองตั๋วเครื่องบินแล้วไปดื่มด่ำกับประเทศที่มีอารยธรรมที่สวยงามแห่งนี้กันเลย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น