วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

10 วิธี จับโกหกแบบขั้นเทพ เนียนแค่ไหนก็รู้ได้

พฤติกรรมการโกหกของคนเราเป็นสิ่งที่พบได้เป็นประจำ บางคนอาจจำเป็นต้องโกหก บางคนก็โกหกจนเป็นนิสัย ซึ่งจะแนบเนียนขนาดไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชำราญของแต่ละคน โดยนักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาและพบว่าระหว่างการสนทนา 10 นาทีของคนทั่วไป คนกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ได้กล่าวเรื่องโกหกไปมากกว่า 2 – 3 ครั้ง

แต่หากเราอยากจะจับโกหกคำพูดเหล่านั้น วันนี้มีวิธีมาบอกค่ะ

1. จ้องตาไม่กระพริบ

การจ้องตาไม่กระพริบ คือการโน้มน้าวให้คุณพยายามเชื่อในสิ่งที่เขาทำ (เหมือนการสะกดจิตเล็กๆ) เพราะถ้าเป็นพฤติกรรมของคนปกติก็จะมีการจ้องคู่สนทนาบ้าง หันไปมองทางอื่นบ้าง ไม่ใช่จ้องกันตาเขม่งแบบที่คนโกหกเค้าทำกัน

2. ชี้นิ้วบ่อยเกินจำเป็น

เมื่อมีความรู้สึกว่าตนเองกำลังตกเป็นรองก็จะพยายามทำให้ตัวเองกลับขึ้นมาเป็นฝ่ายนำ นั่นเป็นแรงจากความโกรธที่ถูกจี้ด้วยคำถามที่ตรงประเด็น หรือถูกจับได้แบบคาหนังคาเขา จนต้องเริ่มวางท่าทีให้อีกฝ่ายเป็นรอง ด้วยการชี้นิ้วไปมา หรือใช้นิ้วประกอบคำพูดที่เยอะเกินความจำเป็น

3. ดื่มน้ำ เลียปากบ่อยผิดปกติ

เมื่อไหร่ที่คนเราถูกสถานการณ์บีบคั้นให้อยู่ในสภาวะที่ตื่นเต้น การหลั่งน้ำลายจะเปลี่ยนไป และทำให้ปากแห้ง ถ้าอยู่ในสภาวะแบบนั้นนานๆ คนที่มีท่าทีที่กำลังโกหกอยู่นั้นมักจะจิบน้ำบ่อย ๆ และมีอาการเลียปากตัวเองถี่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะปากของเค้านั้นจะแห้งผากสุดๆ

4. พูดนอกเรื่องไปเรื่อย!!

เป็นเรื่องเบสิกที่คนโกหกมักจะพูดมากเป็นพิเศษ นั่นเป็นเพราะเขาต้องการให้เชื่อในข้อมูล (โกหก) ของเขามากที่สุด แต่เมื่อได้ลองตั้งใจฟังกันดีๆ แล้วเรื่องที่เค้าพูด หรือตอบมามักจะไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ถามเลยด้วยซ้ำ บางครั้งก็มักจะชวนพูดนอกประเด็น หรือเป็นการโยนความผิดให้คนอื่นซะมากกว่า

5. กระดิกเท้าไม่หยุด

เป็นสิ่งที่สังเกตได้ง่ายมาก เพราะนั่นแปลว่าเค้าคนนั้นกำลังตื่นเต้น เครียด และเริ่มเสียการควบคุมของร่างกาย เนื่องจากไม่สามารถระบายอารมณ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าไม่ได้โกหกอยู่ก็ไม่รู้ว่าจะเครียด หรือตื่นเต้นทำไม จริงมั้ย

6. จับจมูก คาง หรือปากตลอด

เพราะนี่เป็นท่าทางที่พยายามสร้างความมั่นใจ และท้าทายผู้ถาม เหมือนเป็นการพยายามปรามว่าสิ่งที่ผู้ถามคิดนั้นคิดผิดแล้ว แต่จริงๆ แล้วคนที่ถูกถามคำถามนั้นส่วนใหญ่จะแสดงท่าทางแบบนี้เมื่อเจอกับคำถามที่ทำให้หงุดหงิด และอึดอัด ซึ่งก็จะทำให้มืออยู่ไม่สุข มักจะไปจับจมูก จับคาง หรือปากอยู่ตลอด และนั่นแปลว่าเขาไม่ต้องการจะตอบคำถามนี้และกำลังจะคิดคำตอบเพื่อพาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่เสียเปรียบนี้เสียที

7. พูดคำเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา

คำที่คนเหล่านี้นิยมใช้มักจะหนีไม่พ้น “ผมไม่ได้ทำ” “ผมไม่รู้” “ผมไม่เกี่ยว” คำพูดเหล่านี้เป็นเพียงการซื้อเวลาเพื่อต่อรองให้อีกฝ่ายยอมเชื่อเขา และปล่อยให้เขาพ้นจากสถานการณ์กดดันตรงหน้าเสียที และลองสังเกตดูว่าคนเหล่านี้จะพูดเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราถามประโยคซ้ำๆ และมักจะมีอารมณ์หงุดหงิดจนเกินพอดี เพราะเป็นความหงุดหงิดที่อยากจะหลุดพ้นจากสถานะตรงนั้นเสียที

8. ทำตัวนิ่งเกินไป

“อย่าระแวงคนที่กระวนกระวายเกินเหตุ แต่จงระวังคนที่นิ่งเกินไป” นี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวไว้ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นในหนัง ในซีรีส์ คนที่นิ่งที่สุด ไม่แสดงอาการที่สุดมักจะเป็นคนร้าย!! เพราะเค้าเหล่านั้นมักจะพยายามซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ และถ้าพูดอะไรมากไป หรือแสดงมากไปก็อาจจะเผลอหลุดความลับนั้นออกไปได้

9. จังหวะการหายใจที่เปลี่ยนไป

คนที่กำลังโกหกเพราะโดนคำถามแบบจี้จุด พวกเขาจะมีจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น มีความดันเลือดสูง ทำให้ร่างการต้องการออกซิเจนจึงหายใจเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน เลยทำให้หลายต่อหลายครั้งการสอบสวนจะมีการติดเครื่องวัดชีพจรดูความคงที่ของการเต้นของหัวใจนั่นเอง และถ้าใครที่การเต้นของหัวใจมีจังหวะขึ้นๆ ลงๆ ถี่ๆนั้นคือเขากำลังตื่นเต้นกับคำถามและกำลังพยายามคิดหาคำตอบอยู่!

10. การขยับหัวไปมา

การเอียงคอ ขยับหัวไปมาช้าๆ หรือพยายามหันหน้าไปทางอื่นชั่วขณะ ทาง FBI วิเคราะห์ว่า เป็นท่าทางของผู้ที่กำลังทบทวนคำถาม และคาดเดาคำตอบที่อีกฝ่ายต้องการอยู่ในใจ เพราะฉะนั้นคำตอบที่ออกมาจากผู้ที่ทำท่าทางเช่นนี้ จะมีแนวโน้มว่าเขากำลังหลอกอะไรคุณสักอย่าง และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ตอบตอบจริงๆ แต่เค้ากำลังตอบในสิ่งที่คุณอยากฟัง หรือทำให้เค้าพ้นโทษนั่นเอง


ข้อมูลจาก toptenthailand.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น