วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

7 บุคคลที่ดวงซวยที่สุดของโลก

7 บุคคลที่ดวงซวยที่สุดของโลก
7. Jason and Jenny Cairns-Lawrence
เจสันและเจนนี่ แคนส์-ลอว์เรนซ์ เป็นสามี-ภรรยาคู่นี้ เป็นนักท่องเที่ยวที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้ายบ่อยที่สุดในโลก ซึ่งถือว่าเป็นคู่มหัศจรรย์ที่พบเจอเรื่องหวาดกลัวเหล่านี้ทั้งๆ ที่ทั้งคู่อยู่ในเมือง และแต่ล่ะเหตุการณ์ล้วนโด่งดัง โดยเริ่มจาก เหตุการณ์ วันที่ 11 กันยายน 2001 ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในระหว่างไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่นิวยอร์ค เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 3000 คน
อีกสี่ปีต่อมาพวกเขากำลังสัญจรไปรอบๆ ในรถบัสในกรุงลอนดอน เมื่อ 7 กรกฎาคม 2005 และอยู่ในเหตุการณ์สี่ผู้ก่อการร้ายใช้ระเบิดฆ่าตัวตายด้วยการระเบิดรถไฟใต้ดินและรถโดยสาร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถูกยกให้เป็นการก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ และเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 52 คน เรื่องยังไม่จบ เมื่อ 26 พฤศจิกายนพวกเขาทั้งคู่อนู่มุมไบในประเทศอินเดีย และทั้งคู่ก็อยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อผู้ก่อการร้ายมุสลินหัวรุนแรงใช้ปืนยิงกราดและระเบิดหลายหน เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน
7 บุคคลที่ดวงซวยที่สุดของโลก
 6. Violet Jessop
ไวโอเลต เจซซอป(2 ตุลาคม 1887 -5 พฤษภาคม 1971) เป็นพนักงานเสิร์ฟและพยาบาลบนเรือขนส่งที่สามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มสามครั้ง และหนึ่งในนั้นมีเรือไททานิกรวมอยู่ด้วย
ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเธออายุ 26 ตอนนั้นเธอทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ บนเรือโอลิมปิกเรือดังกล่าวเป็นเรือพลเรือนสุดหรูที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้นเพราะมันยาวกว่าเรืออื่นๆ แต่แล้วตำนานของเธอก็เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน 1911 เมื่อเรือโอลิมปิกดันไปชนกับเรือรบอังกฤษฮอว์คแต่เหตุการณ์นั้นไม่ค่อยรุนแรงนักอย่างมากก็แค่น้ำท่วมบนเรือและใบพัดบิดงอเท่านั้นเอง
7 บุคคลที่ดวงซวยที่สุดของโลก
หลังจากนั้นนางไวโอเลตก็ตัดสินใจมาเป็นพนักงานเสิร์ฟอีกครั้ง บนเรือแห่งประวัติศาสตร์ไททานิก RMS Titanic และถ้าจำไม่ผิดเธอปรากฏในภาพยนตร์ไททานิกด้วย) จนกระทั้งเรือล่มเมื่อวันที่ 14 เมษายน 1912 เวลา 2340 น. เรือก็ชนกับภูเขาน้ำแข็งและเรือก็ล่ม ตอนนั้นเธอก็พยายามหนีตายเหมือนคนอื่น และเธอถูกสั่งให้ขึ้นบนด่านฟ้าเพราะเธอพนักงานที่พูดได้หลายภาษาที่สามารถควบคุมความวุ่นวายบนเรือได้ดี และเธอก็รอดชีวิตจากการลงเรือชูชีพพร้อมกับเด็กทารกที่ไม่รู้เป็นลูกของใครบนอ้อมอกของเธอ แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือกันตัน เอ็ดเวิร์ด เจ. สมิธ กัปตันไททานิกที่เธอทำงานอยู่ก็เป็นกัปดันคนเดิมจากเรือโอลิมปิกด้วย นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่หาได้ยากที่บุคคลหนึ่งอยู่ในอุบัติเหตุเรือล่ม 2 ครั้งโดยมีกัปตันคนเดียวกัน
เรื่องราวของเธอยังไม่จบ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เธอได้รับหน้าที่เป็นพยาบาลที่สภากาชาดอังกฤษ ในปี 1916 และได้อยู่ในคณะบนเรือบริทานิค His Majesty’s Hospital Ship Britannic แต่แล้วเรือก็แล่นเข้าไปในดงทุ่นระเบิด และจมลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเธอกระโดดลงในน้ำเพราะเรือชูชีพอยู่ไกลเกินไปจนหัวของเธอกระแทกกับกระดูกงูเรือจนเกือบตาย แต่ก็รอดมาด้วยก่อที่จะถูกเรือชูชีพช่วยเหลือ หลังจากที่เธอรอดชีวิต เธอยังคงทำงานบนเรือเดินทะเลต่อไป จนกระทั้งเกษียณตนเองและเสียชีวิตในปี 1971 ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว
7 บุคคลที่ดวงซวยที่สุดของโลก
 5. Robert Todd Lincoln
โรเบิร์ตทอดด์ ลินคอล์น (1 สิงหาคม 1843 — 26 กรกฎาคม 1926 )เป็น ชาวอเมริกัน ทนายความและ เสนาธิการทหาร และบุตรชายคนแรกของ ประธานาธิบดี อับราฮัมลินคอล์นและ แมรี่ทอดด์ลินคอล์น และเขาเป็นเพียงลูกคนเดียวในจำนวนสี่พี่น้องของลินคอล์นที่รอดชีวิตจนอายุเกินวัยรุ่น หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นพยานประวัติศาสตร์ที่เห็นการลอบสังหารของสามประธานาธิบดีที่แตกต่างกัน
เริ่มจากพ่อของเขาประธานาธิบดีลินคอล์น ตอนนั้นโรเบิร์ต อายุ 21 ปี เขาต้องสูญเสียพ่อ ต่อหน้าต่อตา จากเขาก็พาตัวเองเข้าสู่เส้นทางการเมืองโดยได้รับเลือกให้เป็นเสนาธิการทหาร ในตอนนั้น เจมส์ เอ. การ์ฟิล์ด เป็นประธานาธิปดีสหรัฐฯ จนกระทั้งปี 1881 หลังจากเขาเข้ารับงานใหม่ได้เพียง 4 เดือน ประธานาธิบดีการ์ฟิล์ด ชวนให้เขาไปเที่ยวที่นิวเจอร์ซี่ย์ และก่อนที่ทั้งคู่จะได้ก้าวเท้าขึ้นรถไฟ การ์ฟิล์ดถูกยิงร่วงลงไปกองกับพื้น โชคดีที่มีคนช่วยเขาไว้ทันเลยรอดตาย
จากนั้น 20 ปีไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเลย จนกระทั่ง เขาได้รับเชิญจากประธานาธิบดีวิลเลี่ยม แม็คกินลีย์ ที่เพิ่งได้รับเลือก ซึ่งเขากลับมาดำรงตำแหน่งเป็นรอบ 2 ผลคือ ในระหว่างประธานาธิบดีกล่าวปาฐคถาก็มีคนยิงเขา 2 นัด เขาบาดเจ็บหนัก 8 วันและหลังจากนั้นก็เสียชีวิตลง แม้ลินคอล์นไม่ได้เห็นเหตุการณ์เสียทีเดียว แต่เขาอยู่ในห้องนั้น และได้ยินเสียงปืน และด้วยความรู้สึกดังกล่าวนี้เองทำให้เขาปฏิเสธคำเชิญจากประธานาธิบดีทุกคนให้มาดำรงตำแหน่งนับจากวันนั้นเป็นต้นมา
7 บุคคลที่ดวงซวยที่สุดของโลก
4. Ann Hodges
แอน เป็นมนุษย์คนเดียวในโลกที่ได้รับบาดเจ็บจากอุกกาบาตพุ่งชน เมื่อปี 1954 โดยหินดังกล่าวมีน้ำหนักถึง 4 กิโล โดนมันพุ่งทะลุฝ้ามาปาดสะโพกของเธอ
แอน มีชื่อเต็มว่า แอน อลิซาเบธ ฮ็อด์จ (1923-1972) เป็นชาวเมืองซิลาคอกา มลรัฐอลาบาม่าสหรัฐอเมริกา
เหตูการณ์ประวัติศาสตร์เกิดกับเธอเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1954 ในเวลาบ่ายเมื่อเธอกำลังงีบพักผ่อนอยู่บนโซฟา เกิดมีลูกอุกาบาตลุกเป็นไฟพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะแตกออกเป็น 3 ชิ้น และ ใน 3 ขนาดเท่าส้มโอ (หนัก 4 กิโลกรัม) ทะลุหลังคาบ้านของเธอ ลงบนคอนโซลวางวิทยุที่ทำด้วยไม้ และกระเด็นมาโดนแขนและสะโพกของเธอ ทำให้เป็นบาดแผลฉีกขาดระหว่างที่พุ่งสู่พื้น อุกาบาตนี้ลุกเป็นไฟจนสามารถมองเห็นได้ในสามรัฐใกล้เคียง และเนื่องจากเป็นครั้งแรกเท่าที่มีการบันทึกมา ถึงการได้รับบาดเจ็บจากอุกาบาต ทำให้ข่าวนี้ได้รับการตีพิมพ์ไปทั่วโลกแต่เรื่องราววุ่นวายยังไม่จบ
เมื่อกองทัพอากาศสหรัฐ ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์มาเก็บอุกาบาตลูกนี้ไป แต่สามีของแอน ฮ็อด์จ ได้จ้างทนายต่อสู้ในชั้นศาลจนได้อุกาบาตลูกนี้กลับคืนมา แม้แต่เจ้าของบ้านที่แอน ฮ็อด์จ ก็อ้างกรรมสิทธิเหนืออุกาบาตนี้ เพราะต้องการที่จะขายเพื่อนำเงินมาซ่อมบ้าน มีการตั้งราคาขายไว้ที่ 5000 เหรียญสหรัฐ(ในขณะนั้น) แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปเป็นปี ความสนใจต่อเรื่องนี้ก็จางหายไป ครอบครัว แอน ฮ็อด์จไม่สามารถขายอุกาบาตรก้อนนี้ได้สำเร็จ แอน ฮ็อด์จ รู้สึกอึดอัดกับ การตกเป็นข่าวต่อสาธารณชนและต่อปัญหาขัดแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ของอุกาบาต เธอตัดสินใจบริจาคอุกาบาตรให้กับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติรัฐอลาบม่า ทุกวันนี้มันถูกจัดแสดงแก่ประชาชนทั่วไปที่มหาลัยอลาบม่า
7 บุคคลที่ดวงซวยที่สุดของโลก
3. Roy Sullivan
จากสถิตโอกาสที่มนุษย์จะมีโอกาสถูกฟ้าผ่าได้สองครั้ง(ในวันและเวลาที่แตกต่างกัน) แต่กระนั้นก็มีมนุษย์บางคน(และคนเดียวในโลก)ที่ถูกฟ้าผ่าเจ็ดครั้ง (นักคณิตศาสตร์ประเมินความเป็นไปได้ที่คนคนหนึ่งจะถูกฟ้าผ่า7 ครั้งมีโอกาสเพียงแค่ 1 ใน 16,000,000,000,000,000,000,000,000 (16 ตามด้วยศูนย์24 ตัว)
รอย ซัลลิแวน (7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912 28 กันยายน ค.ศ. 1983) เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติชาวอเมริกัน ประจำอุทยานแห่งชาติเชนันโดอาห์ในรัฐเวอร์จิเนีย ช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1942 ถึง 1977 โดยที่ซัลลิแวนได้เคยถูกฟ้าผ่ามาแล้วถึงเจ็ดครั้งในช่วงเวลาที่ต่างกัน ซึ่งสามารถรอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับฉายา “มนุษย์สายล่อฟ้า” เขาได้รับการยอมรับในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ในฐานะที่เคยได้รับอุบัติเหตุจากฟ้าผ่ามากกว่ามนุษย์คนอื่น ๆ ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งเขาถูกฟ้าผ่าเจ็ดครั้งในวันและเวลาที่แตกต่างกันต่อไปนี้
  •  1942 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าครั้งแรกระหว่างประจำการอยู่บนหอคอยระฆังระวังไฟป่า สายฟ้าฟาดลงมาที่ปลายเท้า ผลลัพธ์คือเล็บหัวแม่โป้งเท้าหลุด
  • 1969 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างที่กำลังขับรถลงเขา ความแรงของกระแสไฟฟ้าทำให้เขาหมดสติและเผาขนคิ้วจนไหม้เกรียม
  • 1970 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 3 ระหว่างนั่งอยู่บนสนามหญ้า ทำให้ไหล่ซ้ายเป็นแผลไหม้
  • 1972 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 4 ระหว่างที่เขาอยู่ในที่ทำการอุทยานฯ คราวนี้เขาเสียเส้นผม หลังจากถูกฟ้าผ่ามาแล้ว 4 ครั้ง รอยคิดว่าเขาต้องไม่ประมาท นับตั้งแต่นั้นมา เขาพกกระติกน้ำติดตัวตลอดเวลาเพื่อเอาไว้ดับไฟ
  • วันที่ 7 สิงหาคม 1973 ขณะที่ขับรถอยู่นั้น ฟ้าผ่าก็ฟาดลงกลางศีรษะของรอยอย่างแรงจนเขากระเด็นออกมานอกรถ และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องเสียเส้นผม
  • วันที่ 5 มิถุนายน 1976 ซัลลิแวนเห็นก้อนเมฆลอยตามเขาเหมือนจงใจ รอยเดาได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา จึงพยายามวิ่งหนีแต่ก็ไม่พ้น เขาถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 6 ตรงบริเวณลานตั้งแคมป์
  • วันที่ 25 มิถุนายน 1977 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 7 ระหว่างที่กำลังนั่งตกปลา คราวนี้ค่อนข้างจะโดนหนักหน่อย เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะหน้าอกและท้องเป็นแผลไฟลวก แต่การรอดชีวิตจากฟ้าผ่านั้นมันไม่ดีเสียเลยเมื่อผู้คนต่างพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่อยู่ใกล้กับซัลลิแวน
  • ในช่วงหลังอันเนื่องมาจากการกลัวถูกฟ้าผ่า และนี่จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจสำหรับเขา ครั้งหนึ่งเขาได้เคยกล่าวไว้ว่า “เช่น เมื่อผมเดินไปกับหัวหน้าพิทักษ์ป่าในวันหนึ่ง ได้มีฟ้าผ่าลงมา หัวหน้าได้กล่าวว่า ผมจะขอไปหาคุณในภายหลังก็แล้วกัน
  • ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1983 ซัลลิแวนได้เสียชีวิตลงในวัย 71 ปี ด้วยการยิงตัวเองเข้าที่ช่องท้อง หมวกเจ้าหน้าที่สองใบของเขาได้รับการจัดแสดงในกินเนสส์เวิลด์เอ็กฮิบิทฮอลในนครนิวยอร์กและรัฐเซาท์แคโรไลนา
7 บุคคลที่ดวงซวยที่สุดของโลก
2. Jeanne Rogers
จีนน์ โรเจอร์ อาจเป็นผู้หญิงชาวอเมริกาที่โชคร้ายที่สุดในโลกที่เรื่องราวของเธอเต็มไปด้วยความโชคร้ายเล็กๆ น้อยไปจนถึงเกือบเอาชีวิตไม่รอด เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เคยถูกยิง ถูกขโมยเงิน ถูกรัดคอ ถูกฟ้าผ่า(2 ครั้ง) ตกลงไปท่อระบายน้ำ เกือบจมน้ำตายเพราะเมื่อแต่ถอยหลังเพื่อถ่ายรูปเพื่อน แต่ที่แปลกที่สุดคือครั้งหนึ่งในขณะเดินเล่มดันจู่ๆ ก็มีค้างคาวติดบนหัวของเธอ เธอเลยขอคนมาช่วยเหลือ แต่กลายเป็นว่าทุกคนที่เห็นเธอต่างตกใจตะโกนลั่น ทำให้ค้างคาวตกใจและข่วนหน้าเธอแถมยังฉี่ใส่หัวเธออีก แต่กระนั้นเธอยังบอกว่าเธอไม่ได้คิดว่าเธอถูกสาปแช่ง เธอยังคิดว่ามีเทวดาอยู่บนไหล่ของเธอด้วยซ้ำไป
7 บุคคลที่ดวงซวยที่สุดของโลก
1. Tsutomu Yamaguchi
สึโตมุ ยามางูชิ ( 16 มีนาคม 1916 – 4 มกราคม 2010) เป็นวิศวกรของบริษัทอุตสาหกรรมหนักมิตซูบิชิ ชาวญี่ปุ่น ที่รอดชีวิตจากฮิโรชิมาและนางาซากิจากเหตุการณ์นิวเคลียร์ถล่ม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าเขาจะเป็นคนในจำนวน 160 ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดสองครั้ง แต่เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับยอมรับจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่าเป็นผู้รอดชีวิตดังกล่าว
เช้าตรู่วันที่ 6 สิงหาคม 1945 ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนั้นสึโตมุกำลังเดินเล่นยามเช้าที่สงบเงียบที่เมืองฮิโรชิ เหมือนปกติทุกครั้ง จนกระทั้งเวลา 08.15 น.ทันทีที่ เขาก้าวลงจากรถราง เขาก็อยู่ในเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มเมือง ซึ่งห่างจากเขาไปไม่ถึง 3 กิโลเมตร เขาได้รับบาดเจ็บหูฉีกขาด นัยน์ตาบอดชั่วคราว ร่างกายท่อนบนซีกซ้ายถูกไฟเผา แต่ความเสียหายต่อร่างกายของเขายังน้อยกว่า 140000 ชีวิตซึ่งสูญสิ้นไปพร้อมกับฮิโรชิมาที่ราบเป็นหน้ากลองในพริบตา ทิ้งอีกหลายหมื่นชีวิตทุกข์ทรมานด้วยพิษระเบิด
เขารอดชีวิตมาได้เนื่องจากอยู่ห่างจากจุดที่ระเบิดลงสามกิโลเมตร ผ่านหนึ่งคืนที่ฮิโรชิมา วันถัดสึโตมุก็ตัดสินเดินทางจากเมืองฮิโรชิม่ากลับบ้านเกิดที่ นางาซากิ เขาถึงบ้านในวันที่ 8 สิงหาคม และแน่นอนที่นางาซากิเขาก็เจอระเบิดนิวเคลียร์อีกรอบ ระเบิดครั้งนี้ทำลายนางาซากิก็พินาศย้ายยับ 70000 ชีวิตตายอย่างอนาถ โดยเวลานั้นเขาอยู่ห่างจากจุดที่ระเบิดลงสามกิโลเมตร เขารอดชีวิตแต่กระนั้นเขาก็เป็นโรคมะเร็งร้ายจากกัมมันตภาพรังสีครั้งนี้ และตลอดชีวิตที่เหลือ เขาเป็นผู้ที่ต่อต้านระเบิดปรมาณู เขากล่าวว่า “ผมไม่อาจเข้าใจว่าทำไมโลกไม่สามารถเข้าใจความหายนะของระเบิดปรมาณู ทำไมพวกเขายังพัฒนาอาวุธร้ายเหล่านี้อีกไม่หยุดยั้ง” สึโตมุ ยามางูชิเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2010 รวมอายุ 93 ปี
ขอบคุณที่มา  http://pantip.com/topic/31161223

10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ

บ่อยครั้งที่ทีนเอ็มไทยนำเสนอให้เพื่อนๆ รู้จักกับ ปีศาจหรือสัตว์ในตำนานกรีก, ญี่ปุ่น, จีน ซึ่งเราก็พอจะรู้จักกันมาเยอะพอสมควรแล้ว เช่นองค์เทพ, เมดูซ่า, มังกร เป็นต้น แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง ปีศาจในตำนานของชาวไอริชหรือชาวเซลติค ที่เขาพูดถึงสืบต่อกันมาดูบ้าง ขอบอกเลยว่ารูปร่างหน้าตาแปลกสุดๆ แถมร้ายกาจไม่แพ้ของชาติอื่นๆ เลย ^^ 10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Questing Beast

10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ

อันดับที่ 10 : Questing Beast 
สัตว์ปีศาจตัวนี้มีชื่อว่า Questing Beast ซึ่งมีลักษณะเหมือนงู แต่ตามจริงแล้ว มันก็ไม่เชิงงูซะทีเดียว เพราะตัวมันมีสัตว์หลายชนิดประกอบรวมร่างกัน คือ มีหัวเป็นงู ตัวเป็นเสือดาว ตูดเป็นสิงโต กีบเท้าเป็นกวาง แถมเสียงร้องของมันดังพอๆกับหมา 30 ตัวเห่า! OMG แต่ปีศาจตัวนี้ค่อนข้างซวยกว่าปีศาจตัวอื่น เพราะว่ามันถูกอัศวินตามล่าตลอดหลังจากได้ยินข่าวเกี่ยวกับมันแพร่สะพัดออกไป นอกจากนี้ เจ้าตัว Questing Beast ไม่ได้มีอยู่แค่ในตำนานเซลติคเท่านั้น แต่ยังไปโผล่ในเรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์อีกด้วย
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Leanan Sidhe เธอคือ แวมไพร์ไฮโซ
 อันดับที่ 9 : Leanan Sidhe เธอคือ แวมไพร์ไฮโซ
Leanan Sidhe เป็นทั้งเทพทางด้านบทกวีและปีศาจในตัวเดียวกัน อีกทั้งยังถูกจัดเป็น 1 ในแวมไพร์อีกตัวหนึ่งในตำนานของเซลติคอีกด้วย ซึ่งตามตำนานของนางนั้น เป็นหญิงที่มีความสวยงาม และจะมองหาคนรัก(เหยื่อนั่นแหละ) ที่เป็นนักดนตรีหรือนักกวีโดยเฉพาะ! โดยในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนั้น เธอก็จะแชร์ความรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บทเพลง กวี หรือเวทมนต์ ซึ่งนั่นก็จะทำให้คนรักของเธอค่อยๆ รักหลงจนโงหัวไม่ขึ้น และเมื่อถึงเวลา Leanan Sidhe ก็จะจากคนรักไป ปล่อยให้คนรักค่อยๆ ทรมาน หมดกำลังใจ สิ้นหวังไปเรื่อยๆ จนตรอมใจตาย นางใจร้ายจัง >,<
หลังจากนั้น เธอจะปรากฏตัวอีกครั้งก่อนจะนำร่างที่ไร้วิญญาณของคนรักไปยังที่ซ่อน แต่แทนที่เธอจะดูดเลือดจากเหยื่อแบบแวมไพร์ทั่วไป เธอกลับเอาเลือดของคนรักที่ตายนั้น เทลงใส่ในหม้อสีแดงขนาดใหญ่แล้วค่อยตักมาดื่ม (จะดื่มเลือดทั้งทียุ่งยากจัง) ซึ่งหม้อนี่เป็นแหล่งพลังงานหลักที่ทำให้เธอสวยเป๊ะ! และมีความสามารถทางด้านบทกวีตลอดเวลา ส่วนวิธีป้องกันนั้น ก่อนอื่นก็ต้องหาที่ซ่อนของ Leanan Sidhe ให้ได้ก่อน จากนั้นให้นำแผ่นหินมาปิดทางเข้าไว้ (แค่นี้กันนางได้แล้วหรอ?)
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Caorthannach ปีศาจเลื้อยคลานพ่นไฟแห่งเซลติค
อันดับที่ 8 : Caorthannachปีศาจเลื้อยคลานพ่นไฟแห่งเซลติค
เรื่องราวของ Caorthannach เริ่มขึ้นในยุคสมัยของนักบุญแพทริก(St. Patrick) ซึ่งขณะนั้นเขาได้ขึ้นไปที่ยอดเขา Croagh Patrick เพื่อสวดขับไล่งูและปีศาจออกจากเกาะไอร์แลนด์ให้จมลงไปยังใต้ทะเล แต่ว่ามีปีศาจอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า Caorthannach ซึ่งมีลักษณะเหมือนงูขนาดใหญ่สามารถพ่นไฟได้ กำลังเลื้อยหนีลงไปจากภูเขา นักบุญแพทริกก็ดันไปเห็นพอดี พร้อมกับไล่ตาม Caorthannach ไปด้วยม้าที่เร็วที่สุดบนเกาะไอร์แลนด์
ซึ่งการไล่ล่านี้กินเวลานานพอสมควร Caorthannach รู้ว่า นักบุญแพทริกจะต้องกระหายน้ำแน่ๆ จึงได้ทำการพ่นไฟและคายพิษลงในทุกๆบ่อน้ำที่เลื้อยผ่าน แต่ทางนักบุญแพทริกก็เหมือนจะรู้ทัน เลยไม่ยอมดื่มน้ำซักหยด พร้อมกับสวดมนต์อ้อนวอนขอคำแนะนำจากพระเจ้า และแล้วการไล่ล่าก็มาถึงตอนจบ นักบุญแพทริกได้มาดักรอ Caorthannach ที่เนินหิน Hawks Rock และเมื่อ Caorthannach มาถึง นักบุญแพทริกก็ออกจากที่ซ่อนพร้อมกับสวดขับไล่เพียงคำพูดเดียว Caorthannach ก็หนีจากเกาะไอร์แลนด์ก่อนจะจมน้ำตายลงในทะเล
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Kelpie ม้าน้ำปีศาจ
อันดับที่ 7 : Kelpie ม้าน้ำปีศาจ 
เคลพีเป็นปีศาจจำพวกพรายน้ำในนิทานพื้นบ้านของสกอตแลนด์ มีลักษณะเป็นม้าสีขาวหรือกึ่งคนกึ่งม้า มีลักษณะคล้ายคลึงกับเซนทอร์, ลิมนาเดส และสคิลลา ในเทพปกรณัมกรีก และม้าบ้อง สิงสถิตย์อยู่ยังแม่น้ำ, ทะเลสาบหรือ หนองน้ำ แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ เคลพี ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ ตามท้องถิ่นต่าง ๆ เช่น นักเกิล (Nuggle) ชูพิลที (Shoopiltee) โยเกิล (Njogel) แทงกี (Tangi) ในตำนานสแกนดิเนเวียเรียกว่า Bäckahästen (แปลว่า ม้าลำธาร) ในนอร์เวย์เรียก nøkken (หมายถึง พรายน้ำ)
ลักษณะผิวจะเรียบแต่เย็นเหมือนผิวคนตายหากได้สัมผัส เคลพี จะล่อลวงคนที่หยุดพักที่ริมน้ำที่มันอาศัยอยู่ ขณะที่หยุดพักดื่มน้ำ มันจะปรากฏตัวเป็นม้าสีขาวที่สงบเสงี่ยม แต่เมื่อขึ้นขี่หลังมัน มันจะพาดำดิ่งสู่ก้นน้ำทันที จนบุคคลนั้นจมน้ำตาย ซึ่งเคลพีจะกินซากศพจนเหลือเพียงหัวใจหรือตับไว้
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Kelpie ม้าน้ำปีศาจ
บางครั้ง นอกจาก Kelpie จะแปลงเป็นม้าแล้ว มันยังสามารถแปลงเป็นหนุ่มหล่อหรือหญิงสาวแสนสวยเพื่อล่อเหยื่อให้มาติดกับได้ด้วย! มีเรื่องของเคลพีที่แปลงร่างเป็นมนุษย์เพื่อแต่งงานกับหญิงสาว ก็มี ส่วนวิธีดูว่าเป็น Kelpie แปลงมาหรือไม่ ให้ดูที่หัว หากบนหัวมีสาหร่ายปกคลุมอยู่ นั่นก็หมายความว่าเป็น Kelpie แน่นอน แต่วิธีนี้ ใช้ดูได้เฉพาะเวลาที่ Kelpie แปลงเป็นผู้ชายเท่านั้น ส่วนถ้าแปลงเป็นผู้หญิง ก็วัดตามความซวยแล้วกันนะคะ >,<
มีนิทานของชาวสก๊อต กล่าวถึงเรื่องของเจ้าปีศาจม้าน้ำนี้เหมือนกัน เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็ก 9 คนถูก Kelpie ล่อให้ขี่ไปบนหลัง (ขี่กันยังไงฟระตั้ง 9 คน) เหลือเด็กคนที่ 10 เท่านั้นที่กำลังวิ่งหนี ขณะที่เจ้าม้าน้ำกำลังวิ่งไล่กวด เด็กคนที่ 10 ก็ใช้หมัดต่อยสวนไปที่จมูก แต่ดันลืมไปว่าผิวม้าน้ำปีศาจนั้นเหนียวอย่างกับกาวตราช้างทำให้ดึงมือออกไม่ได้ เด็กคนนี้เลยตัดสินใจควักมีดออกมาตัดมือของตัวเองที่ติดอยู่กับม้าน้ำปีศาจ และหนีออกมาได้ ส่วนเด็ก 9 คนที่เหลือก็ถูกพาลงไปใต้น้ำพร้อมกับ Kelpie
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Carman ราชินีจอมเวทย์มนต์ดำ
อันดับที่ 6 :  Carman ราชินีจอมเวทย์มนต์ดำ
Carman เป็นเทพนักรบหญิงของเซลติคและเป็นคนที่ใช้เวทมนต์ดำในการเข้ารุกรานแผ่นดินไอร์แลนด์ในยุคของมนุษย์ พร้อมกับลูกๆทั้ง 3 คน ได้แก่ “Dub (ความมืด)”, “Dother (ปีศาจ)” และ “Dian (ความรุนแรง)” Carman ได้ใช้เวทมนต์ดำของเธอทำลายพืชไร่ต่างๆ รวมถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ขวางทางเธอและลูกๆ แต่แล้วก็มีผู้กล้าทั้ง 4 ได้ต่อกรกับ Carman และลูกๆทั้ง 3 ซึ่งมี Crichinbel, Lugh, B Chuille และ Aoi การต่อสู้ครั้งนี้ ลูกๆทั้ง 3 ถูกขับไล่ออกไปจากเกาะไอร์แลนด์ ส่วน Carman ถูกจับขังคุกก่อนจะตายภายในคุกนั่น
ศพของ Carman ว่ากันว่า ถูกฝังไว้ที่เมือง Wexford ในกลุ่มของต้นไม้โอ๊ค ซึ่งขุดโดยกษัตริย์ Eochaid Bres และหลังจากฝั่งศพแล้ว ก็มีการเรียกชื่อหลุมศพนี้ว่า Carman ตามชื่อของเธอและต่อมาก็ได้มีการจัดเทศกาล Carman ในวันที่ 1 สิงหาคมของทุกปี
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Sluagh วิญญาณคนบาปจากตะวันตก
อันดับที่ 5 : Sluagh วิญญาณคนบาปจากตะวันตก
Sluagh เป็นดวงวิญญาณของคนที่ตายแล้วไม่ได้ไปสู่สุคติ ซึ่งดวงวิญญาณเหล่านี้ครั้งนึงในอดีตเคยทำบาปมหันต์เอาไว้ หรือเป็นดวงวิญญาณที่สุดเกินจะบรรยาย ถึงขนาดสวรรค์ไม่กล้าเปิดรับและนรกยังต้องถีบส่งขึ้นมา โดย Sluagh นี้จะบินรวมกลุ่มกันมาเหมือนฝูงนกมาจากทิศตะวันตก(ทิศคนตาย) และจะไม่ลงมาเหยียบบนพื้นเลย อีกทั้งยังส่งเสียงกรีดร้องเป็นระยะ โดยมีเป้าหมายก็คือ บ้านที่มีคนตาย ซึ่งเจ้า Sluagh จะพยายามเข้าไปในบ้านเพื่อเอาดวงวิญญาณไปอยู่ด้วย นั่นก็หมายความว่า ดวงวิญญาณนั้นจะไม่ได้ไปผุดไปเกิด บางบ้านก็จะปิดหน้าต่างทางทิศตะวันตกเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้ Sluagh เข้ามา บ้างก็บอกว่า Sluagh ยังสามารถลักพาตัวคนบริสุทธิ์ดวงซวยได้ ก่อนจะนำวิญญาณคนที่จับมาได้ไปอยู่ด้วยกันตลอดกาล
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Balor ราชาแห่งเหล่าปีศาจ
อันดับที่ 4 : Balor ราชาแห่งเหล่าปีศาจ

Balor ในตำนานของเซลติคนั้น กล่าวไว้ว่า เป็นราชาของเหล่า Fomorian ซึ่งเป็นสายพันธุ์ยักษ์ (Fomorian ในภาษาไอริชจะมีความหมายตรงกับคำว่า demigod ซึ่งหมายถึง พวกกึ่งหรือมีพลังเกือบเทียบเท่าพระเจ้า) มีเมียชื่อว่า “Cethlenn” อาศัยอยู่บนเกาะ Tory (Tory island) มีดวงตาที่ด้านหน้า 1 ดวง และด้านหลังอีก 1 ดวง ทำให้สามารถมองได้เกือบรอบทิศและไม่มีใครสามารถลอบทำร้ายเค้าจากด้านหลังได้เลย อีกทั้งยังปล่อยแสงได้ด้วย ตามคำทำนายนั้นกล่าวไว้ว่า Balor จะถูกหลานชายตัวเองฆ่าตาย และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความซวยที่จะเกิดกับตัวเอง Balor ก็ได้เตรียมแผนการณ์เอาไว้
Balor ได้ทำการขัง “Ethlinn” ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองไว้ในหอคอยคริสตัลเพื่อกันไม่ให้ใครไปซั่มนางท้อง >,< แต่ยังไงก็ตาม ความกำหนัดก็ยังมีอยู่บนทั่วโลกโดยเฉพาะมนุษย์ เมื่อชายนามว่า “Cian” ได้ทำการลอบเข้าไปช่วยลูกสาวนาง Ethlinn ที่ถูกขังอยู่โดยมี “Birog”คอยให้ความช่วยเหลือ หลังจากซั่มกันแล้ว Ethlinn ก็ได้คลอดเด็กออกมา 3 คน แต่ Balor รู้เรื่องนี้เข้าก็เลยจับเด็กทั้ง 3 โยนในมหาสมุทร โชคยังดี มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ Birog สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ก่อนจะนำไปให้ “Manannan mac Lir” ซึ่งเป็นมนุษย์รับเลี้ยงไว้ และได้ตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ว่า “Lugh Lamhfada”
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Balor ราชาแห่งเหล่าปีศาจ

หลังจาก Lugh โตขึ้นแล้ว ก็ได้นำมนุษย์เข้าต่อสู้กับเหล่า Fomorian ซึ่งมี Balor เป็นคนนำทัพในสงคราม Mag Tuired ครั้งที่ 2 และผลก็เป็นตามคำทำนายเอาไว้ Lugh ได้ใช้หนังสติ๊กยิงก้อนหินเข้าเบ้าตาข้างหน้าของ Balor ทะลุออกไปยังด้านหลัง ทำให้ Balor เสียชีวิตทันที (บางตำนานกล่าวไว้ว่า Lugh ใช้หอกแทงไปที่เข้าตา หรือ Lugh ตัดหัวของ Balor แล้วใช้ดวงตาที่ปล่อยแสงได้ใส่ไปยังพวก Fomorian)
ในตำนานหนึ่งบอกไว้ว่า หลังจากที่ Balor ถูกฆ่าตายแล้ว ดวงตายังไม่ปิดสนิท ทำให้ปล่อยลำแสงลงพื้นไปเรื่อยๆ และด้วยอนุภาพของมัน ทำให้เกิดเป็นพื้นที่กว้างก่อนจะมีน้ำเข้ามาจนกลายเป็นทะเลสาปที่มีชื่อว่า “Loch na Sul” หรือ “ทะเลสาปแห่งดวงตา” ซึ่งอยู่ในประเทศ Sligo บนเกาะไอร์แลนด์ ส่วนพวก Fomorian ที่เหลือรอดจากสงครามก็ได้กลายเป็นปีศาจอาศัยอยู่ในทะเลพร้อมกับรอดักจับมนุษย์ที่หลงเข้ามาในบริเวณทะเลนั้นๆ
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Banshee
อันดับที่ 3 : Banshee
Banshee เป็นปีศาจอีกตัวหนึ่งที่น่ากลัวไม่แพ้ตัวอื่นในตำนานของชาวไอริช โดย Banshee นี้มีชื่ออื่นๆอีกมากมาย เช่น Banshee, Banshi, Benshee, เทพธิดา(a female fairy), สตรีแห่งความสงบ(Woman of Peace), สตรีแห่งความตาย(Lady of Death), ยมฑูต(the Angel of Death), สตรีชุดขาวแห่งความโศกเศร้า(the White Lady of Sorrow), ภูติแห่งอากาศ(the Nymph of the Air) หรือ วิญญาณแห่งอากาศ(the Spirit of the Air)
Banshee ในความเชื่อของชาวไอริชเชื่อว่า เธอจะปรากฏกายในชุดสีเทาหรือไม่ก็สีขาว ผมยาวสีเทามีหวีสีเงินติดอยู่ โดยในตำนาน Banshee จะติดตามอยู่กับครอบครัวตระกูลเก่าแก่ของชาวไอริช ซึ่งจะรู้โดยจากการสังเกตที่นามสกุลของพวกเค้า หากหน้านามสกุลมีตัวโอ(O) หรือคำว่าแมค(Mac) แต่ Banshee จะตามคนในครอบครัวนี้แค่เฉพาะแผ่นดินไอร์แลนด์เท่านั้น หากคนออกไปนอกพื้นที่ไปยังประเทศอื่นก็จะไม่ตาม เพราะ Banshee รักแผ่นดินเกิดมาก นอกจากนี้ Banshee ยังสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
1. Banshee ประเภทดี
Banshee ประเภทนี้มีชื่อเรียกว่า Caspernia จะทำหน้าที่เฝ้าดูคนในครอบครัวอย่างใกล้ชิดและเป็นห่วง จนกระทั่งเมื่อคนๆหนึ่งในครอบครัวกำลังจะถึงวาระสุดท้าย เธอก็จะปรากฏในรูปลักษณ์ผู้หญิงวัยสาว ใบหน้าซีด ผมยาวสีทองหรือสีดำ พร้อมกับเสื้อผ้าสีขาว ก่อนจะร้องเพลงที่มีเนื้อหาโศกเศร้าเสียใจและแสดงถึงความรักต่อคนในครอบครัวที่กำลังจะเสียชีวิต
2. Banshee ประเภทร้าย
Banshee อาฆาตนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนธรรมดา แต่ว่าในช่วงระหว่างที่ยังมีชีวิต กลับเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ต้องเกลียดคนในครอบครัว และเมื่อหลังจากตายไป เธอก็กลายเป็น Banshee ก่อนจะมาเกาะติดกับครอบครัวที่มีความแค้น และเมื่อถึงวาระของคนในครอบครัวนั้นตาย Banshee ก็จะปรากฏตัวพร้อมใบหน้าที่บิดเบี้ยวและน่าเกลียดพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องอย่างสะใจเป็นเวลา 3 ครั้งที่ได้เห็นคนในครอบครัวนั้นตาย
ปล. บางครั้งก็บอกว่า Banshee จับมือแท็กทีมกับ Dullahan เดินทางไปด้วยกันยามค่ำคืน โดย Banshee จะนั่งอยู่ในรถม้า ส่วน Dullahan ก็เป็นคนขับรถม้า
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Dullahan ผีไร้หัว
อันดับที่ 2 : Dullahan ผีไร้หัว
Dullahan ในตำนานของชาวไอริชกล่าวไว้ว่า เป็นชาย(หรือหญิงก็ได้) ในชุดสีดำ ไม่มีหัว ใช้มือซ้ายบังคับม้าเทียมโดยมีม้า 6 หรือ 8 ตัวไม่มีหัวคอยลากรถม้าที่ทำจากกระดูกคนตาย ส่วนหัวนั้นถูกมือข้างขวาคอยหิ้วเอาไว้ หรืออีกลักษณะนึงก็คือ เป็นร่างไร้หัวขี่ม้าสีดำตัวใหญ่ เช่นเดียวกันมือซ้ายจับบังเหียน ส่วนมือขวาก็หิ้วหัวตัวเอง
ว่ากันว่า Dullahan นั้นเป็นเหมือนลางบอกเหตุของความตาย ซึ่งถ้า Dullahan ไปที่บ้านใครแล้ว บ้านนั้นจะต้องมีคนตาย แต่คนตายในที่นี้หมายถึง หมดอายุขัยจริงๆ ไม่ได้ไปฆ่าคนแต่อย่างใด ส่วนการเดินทางไปรับวิญญาณนั้น เค้าก็จะควบม้าภายในความมืด โดยมีหัวที่ส่องแสงสีเขียวเป็นเหมือนกับตะเกียงยามค่ำคืน ดวงตาก็กลอกกลับไปมา ราวกับมองหาทุกสิ่งที่อยู่ละแวกนั้น
Dullahan ผีไร้หัว
Dullahan ผีไร้หัว

ลักษณะพิเศษของหัวยังไม่หมดแค่นี้! ดวงตาของ Dullahan นั้นสามารถมองข้ามไปยังอีกเขตของประเทศ ต่อให้เหยื่อหนีไปยังไงก็ตามหาเจออยู่ดี(มองการณ์ไกลจริงๆ) หรือถ้าบ้านไหนปกปิดว่าไม่มีคนที่ Dullahan ตามไปเก็บวิญญาณอยู่ Dullahan ก็สามารถรู้ได้โดยมองทะลุจิตใจของคนๆนั้นที่ปกปิดอยู่ได้ (หลอนเกิ๊นน)
ส่วนอาวุธของ Dullahan นั้น เป็นแส้ที่ทำมาจากกระดูกสันหลังของคน >,< หากใครที่คิดแอบดู Dullahan ระหว่างทำภารกิจ ก็จะถูกแส้ฟาดเข้าที่ดวงตาทำให้ตาบอดไปข้างกันเลยทีเดียว หลายคนอาจสงสัยว่า เฮ้ย! แล้วเอ็งไม่คิดจะส่งเสียงหรือกรีดร้องแบบผีตัวอื่นรึไง Dullahan ไม่ได้ใบ้รับประทาน เขาพูดได้แต่จะพูดแค่ชื่อของคนตายกับบ้านของคนตายที่กำลังจะไปเท่านั้น
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Dearg Due แวมไพร์สาวอาภัพรัก
อันดับที่ 1 : Dearg Due แวมไพร์สาวอาภัพรัก 
Dearg Due แปลในความเข้าใจของชาวบ้านก็คือ “แวมไพร์ หรือ ผีดูดเลือด (red blood sucker)” ซึ่งเรื่องราวของ Dearg Due นี้มีที่มาจาก หญิงสาวชาวไอริชนามว่า “Orga” ตำนานกล่าวไว้ว่า Orga เป็นหญิงสาวที่มีความงดงามมาก ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากสีแดง พร้อมกับผมสีทองที่ปลิวไสวยามต้องสายลม แน่นอนว่า เมื่อ Orga สวยแล้ว ย่อมมีชายหื่นจำนวนไม่น้อยที่หวังอยากได้เธอมาเป็นแฟน แต่ Orga นั้นไม่สนใจใครเลยจนไปตกหลุมรักชื่อ Grian เป็นคนยากจน คีบแตะช้างดาวไปไหนมาไหน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลย แต่ด้วยความรักของบริสุทธิ์ของเค้าแล้ว ทำให้ Orga มองข้ามเรื่องฐานะไปเลย
แต่ความรักของทั้งคู่ก็ต้องสะบั้นลง เมื่อพ่อของ Orga ไม่ให้เธอแต่งงานกับไอ้หนุ่มคนที่เธอรัก แต่จะยกให้เศรษฐีผู้มั่งคั่งเพื่อแลกกับที่ดินและทรัพย์สินจำนวนมากแทน และหลังจากผ่านการแต่งงานอันน่าขมขื่นไป Orga สาวน้อยผู้น่ารักก็ดวงตกทันที จากวันปกติที่เธอใช้เวลามีความสุขกับการตกปลาหรือวิ่งเล่นบนทุ่งหญ้า ก็กลายเป็นว่าเธอถูกสามีใหม่ผู้โหดร้ายกักขังเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว แถมยังถูกซ้อมตบตีสารพัด Orga รู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตภายในห้องขังมืดๆ กินอะไรก็ไม่ได้ นอนก็ไม่เคยจะหลับเต็มตื่น ไม่นานนักเธอก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยการดื่มยาพิษ (แต่บางแหล่งก็บอกว่า เธอตรอมใจตาย)
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Dearg Due แวมไพร์สาวอาภัพรัก
ศพของเธอถูกฝังอย่างเรียบง่าย ไม่มีพิธีใหญ่โตอะไร และไม่มีใครเสียน้ำตาให้เธอเลย สามีจอมโฉดก็มีเมียใหม่ ส่วนพ่อสุดชั่วของเธอกับลูกพี่ลูกน้องก็ใช้ชีวิตหรูหราโดยลืมเรื่องราวของเธอไปซะสนิท มีแต่เพียงไอ้หนุ่มคนรักของเธอที่มาคร่ำครวญร้องไห้ที่หลุมศพทุกวันพร้อมกับภาวนาให้เธอฟื้นขึ้นมา และเหมือนคำขอนั้นจะเป็นจริง เวลาผ่านไปปีกว่าๆ ในคืนหนึ่ง Orga ก็ลุกขึ้นมาจากหลุมศพพร้อมกับความแค้นที่สะสมมานานนับปี ก่อนจะมุ่งตรงไปหาพ่ออันสุดที่รัก!!(กัดฟันพูด) เมื่อเห็นพ่อสุดที่รักนอนอยู่ เธอก็ค่อยๆ เอาริมฝีปากเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับดูดเอาพลังชีวิตมาจนหมด เธอเริ่มรู้สึกได้ถึงพลังในร่างกาย หลังจากจัดการพ่อไปแล้ว เธอก็รีบไปหาอดีตสามีสุดชั่วทันที
10 ปีศาจในตำนานชาวไอริช โหดไม่แพ้ของกรีกเลยอ่ะ
Dearg Due แวมไพร์สาวอาภัพรัก
อดีตสามีของ Orga กำลังกินตับกับสาววัยเอ๊าะๆ นางหนึ่งในห้องนอน โดยไม่ได้สนใจว่าอดีตเมียหลวงได้มาเยือนแล้ว ด้วยความแค้นที่สะสมมานาน Orga รีบบึ่งเข้าไปล็อคตัวเอาไว้พร้อมกับฝังเขี้ยวลงไปที่ซอกคอก่อนจะดูดเลือดมาจนหมด ณ วินาทีนั้นเอง ร่างกายของ Orga ก็กลับมาเป็นสาวอีกครั้ง ความคิดถึงคนรักเก่าพลันหายไปพร้อมกับความอยากกระหายเลือดสดๆ ที่เข้ามาแทน โดยทุกๆ 1 คืนในแต่ละปี Orga จะลุกจากหลุมศพขึ้นมาหาเหยื่อเพื่อเติมความสวยงามของเธอ ก่อนจะกลับลงไปยังหลุมอีกครั้งก่อนแสงอาทิตย์จะขึ้น
ว่ากันว่า หลุมศพของ Orga ถูกฝังไว้ในเมือง Waterford ทางใต้ของประเทศไอร์แลนด์ ส่วนวิธีป้องกันไม่ให้ Dearg Due ลุกขึ้นมาจากหลุมศพได้ เค้าจะใช้หินมากองทับไว้ที่บนหลุมศพครับเพื่อไม่ให้เธอลุกขึ้นมาได้นั่นเอง ..

ของคุณข้อมูล http://www.soccersuck.com/boards/topic/890127,irishcentral,kittythedreamer,wikipedia

8 พฤติกรรมของวัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการตาย โดยไม่รู้ตัว!

8 พฤติกรรมของวัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการตาย โดยไม่รู้ตัว!

8 พฤติกรรมของวัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการตาย โดยไม่รู้ตัว!
1. การมีอะไรกันโดยไม่ป้องกัน
ข้อมูลสถิติในประเทศไทยพบว่า อายุเฉลี่ยของการมี … สัมพันธ์ ครั้งแรกของวัยรุ่นไทยจากเดิมอายุ 18-19 ปี ลดลงมาที่ประมาณ 12-13 ปี ดังนั้นถ้าน้องๆ คิดจะรักสนุก ก็ต้องรู้จักป้องกัน ใส่ถุงยางอนามัย เพราะหากน้องๆ ไม่ปฏิบัติให้ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ทั้งท้องในตอนที่ยังไม่พร้อม ทั้งโรคติอต่อทางเพศสัมพันธ์อีกเพียบอาทิ ทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เอดส์ กามโรค ฯลฯ
อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ในประเทศไทยว่า ปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยพบว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ต่อจำนวนประชากร 1 แสนคน เพิ่มขึ้นมากจาก 29 % (พ.ศ. 2550) เป็น 44 % (พ.ศ. 2554) และในจำนวนนี้ เป็นวัยรุ่นถึง 42% สะท้อนให้เห็นว่า วัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย นอกจากน้องๆ ต้องป้องกันด้วยการใส่ถุงยางแล้ว ควรไปหาหมอตรวจสุขภาพด้วยครับ
8 พฤติกรรมของวัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการตาย โดยไม่รู้ตัว!
2. การใส่บิ๊กอาย
นี่เป็นอีก 1 เทรนด์ที่ฮิตในหมู่วัยรุ่นก็คือ การใส่คอนแทคเลนส์ หรือ บิ๊กอาย ซึ่งก็มีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน การใส่นั้นเราต้องดูด้วยว่า มีอายุการใช้งานเมื่อไหร่ หมดอายุวันไหน ใส่แล้วก็ต้องดูแลรักษาความสะอาด อย่าใสเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน ก่อนนอนก็ควรถอดซะ ถ้าเป็นแบบใช้แล้วทิ้งก็จบ
แต่สำหรับรายเดือน รายปี ก็ต้องล้างให้สะอาด แล้วแช่น้ำยา ปิดผาให้สนิท หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป หรือตกค้างในคอนแทคเลนส์ เวลาใส่มันก็จะเข้าไปสัมผัสบนผิวดวงตาของผู้ใส่โดยตรง และหากยิ่งใส่เป็นเวลานานๆ ก็ทำให้ตาแห้ง ส่งผลให้ทำลายกระจก อาจเป็นแผลก่อให้ติดเชื้อโรคลุกลาม หากรักษาไม่ทันลูกตาก็จะเน่า แล้วบอดในที่สุด หรืออาจจะแรงถึงขั้นเชื้อโรคเข้าไปในกระแสเลือดทำให้เสียชีวิตได้
8 พฤติกรรมของวัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการตาย โดยไม่รู้ตัว!
3. ชอบดื่มของมึนเมา
แอลกอฮอล์ ถ้ากินมากเกินจนขาดสติ ก็ทำให้คนเราทำอะไรไปโดนไม่ทันยั้งคิด อาทิ ทะเลาะวิวาท มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ตั้งใจ ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก(WHO) พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์มากจัดเป็นอันดับ 5 ของโลก
หากน้องๆ ดื่มมากจนเกินพอดี เมาขาดสติ มันสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตทั้งในด้านการเรียน สุขภาพร่างกาย อ้วน ความดันโลหิตสูง สมองผิดปกติ และยังเปอร์เซนต์เสี่ยงสูงในการเสียชีวิตด้วยเหตุการณืดังต่อไปนี้คือ อุบัติเหตุรถยนต์ ฆ่าตัวตาย ฆ่าผู้อื่น อย่างไรก็ตาม พี่เข้าใจว่าวัยรุ่นก็เป็นวัยที่อยากรู้อยากลอง ซึ่งจะลองก็ลองได้น่ะ แต่ก็ต้องมีขอบเขต ไม่เดือดร้อนตัวเอง และผู้อื่น
8 พฤติกรรมของวัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการตาย โดยไม่รู้ตัว!
4. นิยมกินอาหารเสริม ยาลดความอ้วน ใช้เครื่องสำอางตามโฆษณาชวนเชื่อ
สำหรับในเรื่องของ ค่านิยมในความสวยของสาว ๆ ปัจจุบัน คือ อยากขาว และ อยากผอม ปัจจุบันจึงเห็นมีผลิตภัณฑ์ อาหารเสริมออกมาขายบนโลกออนไลน์มากมาย โฆษณาสรรพคุณเวอร์วังว่ากินแล้วขาวใสภายใน 3 วัน 7 วัน กินแล้ว 1 เดือนลดได้ 10 กิโลฯ ฟังดูก็ไม่น่าเชื่อแล้วค่ะ บางคนอาจจะหลงกับภาพนางแบบโฆษณาที่บอกว่าใช้จริงได้ผล
อย่าลืมว่ายุคที่เทคโนโลยีครองโลกแบบนี้ แอพพลิเคชั่น โปรแกรมแต่งภาพ สามารถเนรมิตทุกอย่างได้ภายในพริบตา ไม่มีอะไรปลอดภัยไปกว่าการหมั่นออกกำลังกาย และรู้จักเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์นะคะ อีกอย่างถ้าร่างกายยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น การออกกำลังกายถ้าทำสม่ำเสมอได้ผลเร็วไม่ช้าเกินรอ ช้าแต่ปลอดภัยชัวร์
8 พฤติกรรมของวัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการตาย โดยไม่รู้ตัว!
5. ชอบกินอาหารที่มีผงชูรสเยอะ หรือ ขนมขบเคี้ยว หรือ ของทานเล่น
ส่วนมากจะมีส่วนผสมของผงชูรสอยู่ด้วย กินมากไปไม่เป็นผลดีต่อร่างกายแน่นอน เคยมีกรณีที่เด็กตายเพราะกินขนมครกที่โรยผงชูรสด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นน้ำตาลด้วยนะ เพราะผงชูรสนั้นผลิตมาจากแป้งมันสำปะหลังที่ต้องหมัก และใช้สารเคมีหลายตัว เช่น กรดกำมะถันหรือกรดซัลฟูริค กรดเกลือ หรือกรดไฮโดรคลอริก ยูเรีย (ในปัสสาวะ) ซึ่งกรดต่างๆ เหล่านั้นไม่ได้จำเป็นต่อร่างกายเลย
ของพวกนี้ มีแต่จะมีผลเสียทั้งนั้นถ้าทานเกินขนาด อาทิ ภูมิต้านทานร่างกายมนุษย์ลดลง ทำลายสมองส่วนหน้า โตช้า ปัญญาอ่อน ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ อวัยวะสืบพันธุ์เล็กลง หากใครที่แพ้ จะมีอาการชา ร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า โหนกแก้ม ต้นคอ หน้าอก บางคนมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามตัว แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่สะดวก และอาจเสียชีวิตได้ทันที
8 พฤติกรรมของวัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการตาย โดยไม่รู้ตัว!
6. พฤติกรรมการ นอนดึก
สำหรับวัยรุ่นช่วงอายุ 12 -18 ปี ร่างกายนั้นต้องการพักผ่อนวันละ 9 ชั่วโมง ในยุคนี้เริ่มมีโซเชียลเน็ตเวิร์คเข้ามา บางคนไม่รู้จักเวลาเล่น เวลาทำการบ้าน เช่น อาจจะเล่นเกม หรือแชท จนดึกดื่น แล้วการบ้านยังไม่เสร็จ ต้องมานั่งปั่นเพื่อให้ส่งทันเดทไลน์ ถ้าทำซ้ำๆ เดิมๆ ทุกวัน จะส่งผลให้ระบบร่างกายรวน
กินนอนไม่เป็นเวลา แล้วสังเกตได้เลยว่า ยิ่งนอนดึก ยิ่งฉี่บ่อย เพราะร่างกายจะเอาพลังงานออกมาใช้ จึงทำให้ขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะ ตื่นเช้าไปนั่งเรียนก็ง่วง ไม่มีสมาธิ ความจำไม่ดี การคำนวณแย่ หนักๆ เข้าจะมีอาการภาพหลอน อารมณ์ไม่คงที่ เซลล์สมองขาดพลังงาน การขับถ่ายไม่ปกติ ไม่มีการขับถ่ายของเสียออก เป็นการสะสมสารพิษให้คั่งค้างอยู่ในร่างกาย และอาจตายได้ในที่สุด
8 พฤติกรรมของวัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการตาย โดยไม่รู้ตัว!
7. การจัดฟัน ตามค่านิยม
การดัดฟันต้องดัดที่ถูกสุขลักษณะกับคุณหมอเท่านั้น!! แต่เนื่องจากเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่วัยรุ่น จึงทำให้พวกจ้องเอาแต่ผลกำไร รายได้ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง และความปลอดภัย ออกมาเปิดร้านดัดฟันแฟชั่น หรือร้านดัดฟันเถื่อน กันเกลื่อนท้องตลาด แล้วอ้างว่าเครื่องมือมาจากคุณหมอ แต่ราคาถูกกว่า (มีราคาตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป) น้องๆ รู้ไว้เลยค่ะว่า ไม่มีร้านไหนที่ปลอดภัยเท่ากับไปดัดกับคุณหมอที่โรงพยาบาล หรือสถาบันทันตกรรมที่มีใบรับรอง ซึ่งก็มีข่าวออกมาให้ได้เห็นกันมากมายว่าการดัดฟันแฟชั่นนั้นส่งผลให้ติดเชื้อในช่องปาก เชื้อโรคอาจลุกลามจนทำให้เสียชีวิตในที่สุด
สำหรับน้องๆ ที่ต้องการดัดฟันก็ควรดูความเหมาะสมด้วย เข้าใจว่าใครๆ ก็อยากมีฟันที่สวย แต่หากเราต้องการดัดจริงๆ และยังมีค่าใช้จ่ายไม่พอ ก็ค่อยๆ เก็บอดออมไปเรื่อยๆ ดีกว่าไปเสี่ยงดัดฟันเถื่อนแค่ไม่กี่บาท ไม่ได้ช่วยให้ฟันสวยขึ้น แถมยังต้องมาเสี่ยงต่อการเสียชีวิต มันไม่คุ้มเลย
8 พฤติกรรมของวัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการตาย โดยไม่รู้ตัว!
8. เสริมความงาม ศัลยกรรม
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นข่าวคราวของภัยจากการเสริมความงาม ไม่ว่าจะด้วยการกิน การฉีด หรือถึงขั้นการผ่าตัด แม้แต่คนที่เข้าใจและศึกษามาเป็นอย่างดีในบางคนก็ยังต้องจบชีวิตลง หรือไม่ก็ต้องเหมือนตายทั้งเป็นเพราะเป็นผลที่เกิดจาการทำสิ่งนี้ โดยที่ไม่ศึกษาข้อมูล หรือไตร่ตรองก่อนที่จะนำสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เข้าร่างกาย
วัยรุ่นในปัจจุบันนี้มีค่านิยมที่เปลี่ยนไปจากเดิม ต้องหน้าตาต้องสวย-หล่อ ดูดีก่อน เพราะหลายคนคิดว่าถ้าหน้าตาดีแล้ว สิ่งดีๆ หลายอย่างก็จะตามมา แต่บางครั้งวัยรุ่นก็ลืมนึกถึงภัยอันตรายของการเสริมความงาม ศัลยกรรม ผลกระทบที่จะตามมาภายหลัง และนี้แหละถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงละอันตรายที่สุดอีกอย่างหนึ่งในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูล webboard.yenta4.com

ไอเดียแต่งห้อง ให้สวย สบายตา ด้วยโทนสีแสนอบอุ่น

ไอเดียแต่งห้อง ให้สวย ด้วยโทนสีแสนอบอุ่น

ไอเดียแต่งห้อง
หน้าต่างบานใหญ่ ช่วยให้ห้องโทนสีน้ำตาลเทาแลดูสว่างขึ้น
และเพิ่มความมีสีสันให้ห้องด้วยเก้าอี้ปลายเตียงลายธงชาติอังกฤษ
ไอเดียตกแต่งบ้าน
วอลเปเปอร์เป็นอีกตัวเลือกนึงในการตกแต่งห้อง
เพราะนอกจากจะเปลี่ยนได้ง่ายแล้วยังสามารถเพิ่มลวดลายให้กับห้องได้อีกด้วย
ไอเดียตกแต่งบ้าน
ไอเดียตกแต่งบ้าน
ตกแต่งห้องด้วยสีขาวและสีน้ำตาลเป็นหลักทำให้ห้องดูเป็นห้องของผู้ใหญ่ เรียบง่าย สะอาดตา แถมยังดูหรูมีระดับอีกด้วย  
แต่หากไม่อยากให้ห้องนอนดูจืดจนเกินไป ก็หาเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม มาเสริมให้ห้องดูดีขึ้นด้วยก็ได้
ไอเดียตกแต่งบ้าน
 ตู้เสื้อผ้าสีเข้ม กับแสงไฟอ่อนๆ สาดเข้าไปที่ตู้ ตกกระทบที่พื้นไม้ ทำให้ห้องดูสง่างามขึ้น
ไอเดียตกแต่งบ้าน
ตกแต่งห้องด้วยสีขาวและสีน้ำตาลเป็นหลักทำให้ห้องดูเป็นห้องของผู้ใหญ่ เรียบง่าย สะอาดตา แถมยังดูหรูมีระดับอีกด้วย  
แต่หากไม่อยากให้ห้องนอนดูจืดจนเกินไป ก็หาเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม มาเสริมให้ห้องดูดีขึ้นด้วยก็ได้
ไอเดียตกแต่งบ้าน
ปิดท้ายด้วยห้องน้ำที่สวยเกินคำบรรยายห้องนี้
หากออกแบบตกแต่งห้องให้ดูอบอุ่นแล้ว ยังส่งผลให้ห้องดูสดใส สบายตา เลือกโทนสีที่อบอุ่นช่วยให้ห้องดูสว่างอย่างกลมกลืน หวังว่าไอเดียตกแต่งหอ้ง ที่เรานำมาฝากเพื่อนๆ ในวันนี้จะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ ได้นำไปตกแต่งบ้าน ไม่มากก็น้อยนะคะ

ขอบคุณ : Cordialaty Design Studio

10 จุดชมวิว ที่หวาดเสียวที่สุด

10 จุดชมวิว ที่หวาดเสียวที่สุด

Top of Tyrol

จุดชมวิว ซึ่งมีความสูง 3,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ที่ ภูเขาน้ำแข็ง Stubai ใน Tyrol ประเทศออสเตรีย
10 จุดชมวิว ที่หวาดเสียวที่สุด

Iguazu Viewing Platform
จุดชมวิว รูปก้นหอย ตั้งอยู่เหนือ น้ำตก Iguazu ประเทศบราซิล
10 จุดชมวิว ที่หวาดเสียวที่สุด Iguazu Viewing Platform

Dachstein Skywalk
จุดชมวิว สูงจากระดับน้ำทะเล 2,700 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งได้รับความนิยมมาก ตั้งอยู่ที่ Styria ประเทศออสเตรีย
Dachstein Skywalk 10 จุดชมวิว ที่หวาดเสียวที่สุด

Willis Tower Skydeck
ชื่อเดิม คือ Sears Tower เป็นตึกระฟ้า 108 ชั้น ตั้งอยู่ที่ เมือง Chicago รัฐ Illinois ประเทศสหรัฐอเมริกา จุดชมวิว ซึ่งเป็น Glass Box ยื่นออกมาจากตัวตึก 4.3 ฟุต ชั้นที่ 103 วิวสวยพร้อมเสียว!
จุดชมวิว ที่หวาดเสียวที่สุด

Il Binocolo
จุดชมวิว เหินชวนตื่นเต้นตื่นตาแห่งนี้ อยู่ที่ Merano BZ ประเทศอิตาลี

Landscape Promontory
วิวสวยแห่งนี้ อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จุดชมวิว ออกแบบโดย Paolo Burgi เป็นส่วนหนึ่งใน Cardada project
10 จุดชมวิว ที่หวาดเสียวที่สุด

Infinity Room
 จุดชมวิว Infinity room อยู่ที่ House On The Rock ใน รัฐ Wisconsin ประเทศสหรัฐอเมริกา ยื่นออกไป 200 ฟุต จากหุบเขา สูงจากพื้นดิน 150 ฟุต

5 Fingers Viewing Platform
อีกหนึ่งไอเดียสร้างสรรค์ สร้างความเสียว แห่งนี้ อยู่ที่ Krippenstein ประเทศออสเตรีย ชื่อเรียก 5 Fingers หรือ 5 นิ้ว มาจากลักษณะของ จุดชมวิว ที่เหมือนกางนิ้วมือยื่นออกไป

Grand Canyon Skywalk
จุดชมวิว ชวนเสียวด้วยพื้นกระจกใส Grand Canyon Skywalk  อยู่เส้นแม่น้ำ Colorado ริม Grand Canyon รัฐ Arizona ประเทศสหรัฐอเมริกา

Aurland Lookout
เป็น จุดชมวิว ที่ต้องสูดหายใจให้เต็มปอด ก่อนสัมผัส ออกแบบความเสียวโดย Todd Saunders และ Tommie Wilhelmsen ตั้งอยู่ที่ Aurland ประเทศนอร์เวย์
10 จุดชมวิว ที่หวาดเสียวที่สุด
เห็นวิวแล้วอยากไปเหยียบ จุดชมวิว เหล่านี้บ้าง เพราะความสวยงามมันชวนตื่นตา ดีไซน์ระฟ้าก็ชวนตื่นเต้น
ที่มา : http://www.toxel.com