วิธีที่หนึ่ง ฝึกหายใจเข้า-ออกลึกๆ บ่อยๆ สมองจะใช้ออกชิเจน 20-25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืน หรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20% ถ้าอยากเก่ง ก็ลองฝึกหายใจให้ลึกๆ ดูนะจ๊ะ
วิธีที่สอง การนั่งสมาธิ วันละ 12 นาที (Meditation 12 min a day) หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติ และนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ช่วยในการผ่อนคลายสมองของเรา ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพ และมีความคิดสร้างสรรค์...ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ก็ให้หัดทำก่อนนอนทุกวันนะจ้า
วิธีที่สาม จิบน้ำ(เปล่า)บ่อยๆ (Drink water very often) สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือน ต้นไม้ที่ต้องการน้ำมาหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้ากลายเป็นคนคิดช้า หรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อพัฒนาสมองให้มีประสิทธิภาพที่ดีนะทุกคน
วิธีที่สี่ กินไขมันดี (enjoy taking fish-oil, Omega 3) เทคนิคการฝึกสมอง ข้อนี้เป็นเทคนิคที่คนไม่ค่อยรู้ เพราะคนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวันนะ จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดจากใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีเช่น ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดีที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น ถ้าอยากเก่ง ลองทานอาหารเหล่านี้ดูนะจ๊ะ
วิธีที่ห้า ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific intention) การตั้งใจทำในสิ่งใดก็ตาม ก็เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่สามารถแยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้นได้ ดังนั้นทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
วิธีที่ห้า ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific intention) การตั้งใจทำในสิ่งใดก็ตาม ก็เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่สามารถแยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้นได้ ดังนั้นทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
วิธีที่หก หัวเราะ และยิ้มบ่อยๆ (Laugh and Smile) ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรัก และหวังดี ต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ อีกด้วย
วิธี่ที่เจ็ด เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new thing everyday) สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น การกินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ๆ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้ และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ และมีการพัฒนาสมองให้ดีขึ้นนั่นเอง
วิธีที่แปด ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself, reduce brain stress) ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง การโกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดี ถ้าหากต้องการฝึกสมองการให้อภัยตัวเอง ไม่เครียด เป็นการลดภาระของสมองช่วยพัฒนาสมองได้อย่างดีเลยล่ะจะ ขอบอก !!
และวิธีที่เก้า การเขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things inlife every day) ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองของเราคิดบวก คิดแต่ในสื่งที่ดีงาม พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาสมองให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
วิธี่ที่เจ็ด เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new thing everyday) สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น การกินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ๆ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้ และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ และมีการพัฒนาสมองให้ดีขึ้นนั่นเอง
วิธีที่แปด ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself, reduce brain stress) ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง การโกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดี ถ้าหากต้องการฝึกสมองการให้อภัยตัวเอง ไม่เครียด เป็นการลดภาระของสมองช่วยพัฒนาสมองได้อย่างดีเลยล่ะจะ ขอบอก !!
และวิธีที่เก้า การเขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things inlife every day) ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองของเราคิดบวก คิดแต่ในสื่งที่ดีงาม พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาสมองให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
ที่มา : kc-center.com
การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน
ถ้าเราดูแล และฝึกสมองให้ดีคุณภาพชีวิตที่ดีก็ตามมาอย่างมากมายเราจะกลายเป็นคนฉลาด
กระฉับกระเฉง ไม่หลงลืม แก่ช้า และมีบุคคลิกภาพที่ดี เป็นคนมีเสน่ห์ เป็นที่ชื่นชมของคนทั่วไป
สำหรับน้องๆ ที่อยากเก่งก็ลองทำตามวิธีนี้ดูนะจ้า